This image has an empty alt attribute; its file name is tawan.jpg

ฉบับที่ 29 กุมภาพันธ์ 2546

มรดกโลก

ทุกภูมิภาคในโลกล้วนแล้วแต่มีมรดกทางวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอันเป็นที่น่าภาคภูมิใจของชนชาตินั้นๆ ทั้งสิ้น มรดกโลกคือ สมบัติอันมีค่าของมวลมนุษยชาติซึ่งควรจะอนุรักษ์สืบทอดต่อไปยังชนรุ่นหลังและเป็นสิ่งที่ทุกคนในโลกปัจจุบันนี้เป็นเจ้าของร่วมกันดังนั้นจึงไม่มี คำว่าพรมแดนเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากความรักในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเองได้เชื่อมโยงไปสู่การให้ความสำคัญและความ เข้าใจใน วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นด้วย

มรดกโลกที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ใน “ สนธิสัญญามรดกโลก ” จากการประชุมสามัญของยูเนสโกที่กรุงปารีส ในปี1972 โดยมีวัตถุประสงค์ที่ จะทำนุบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งมีคุณค่าอย่างยิ่งที่ไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ และเพื่อสืบทอด ไปยังรุ่นต่อไป ปัจจุบันปี 2002 มี 172 ประเทศที่ได้ร่วมเซ็นสนธิสัญญานี้

มรดกโลกแบ่งออกเป็น “ มรดกทางวัฒนธรรม ” “ มรดกทางธรรมชาติ ” “ มรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ

ปัจจุบันปี 2002 มรดกทางวัฒนธรรมที่ได้จดทะเบียนไว้ในรายชื่อของมรดกโลกมี 563 แห่ง มรดกทางธรรมชาติมี 144 แห่ง มรดกทาง วัฒนธรรมและธรรมชาติมี 23 แห่ง รวม 730 แห่ง ประเทศที่มีมรดกโลกดังกล่าวนี้มี 125 ประเทศ

จำนวนมรดกโลกที่ได้รับการจดทะเบียนอยู่ในรายชื่อของมรดกโลกแบ่งตามเขตภูมิภาคได้ดังนี้

ในปี 1993 เป็นครั้งแรกที่สมบัติอันล้ำค่าจากประเทศญี่ปุ่น ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกรวม 4 รายการ คือ เทือกเขาชิราคามิ เกาะยาคุชิมะ ปราสาทฮิเมจิ และสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาในเขตวัดโฮริวจิ จากนั้น มรดกทางวัฒนธรรมในเมืองหลวงเก่ากรุงเกียวโต (วัดคินคะคุจิ วัดคิโยมิซุ เป็นต้น) ชิระคาวาโก (สถาปัตยกรรมการสร้างที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนในหุบเขาซึ่งได้รับอิทธิทางพุทธศาสนา หลังคามีลักษณะคล้ายการประนมมือกราบพระ) ตึกรูปโดมที่ถูกระเบิดปรมาณู ศาลเจ้าอิทสุคุชิมะ มรดกทางวัฒนธรรมในเมืองหลวงเก่านารา (วัดโทไดจิ วัดยาคุชิ เป็นต้น) วัดและศาลเจ้าที่นิกโก (ศาลเจ้าโทโจกู เป็นต้น) ปราสาทและกำแพงเมือง (เช่น การขุดคูคลองล้อมรอบปราสาท) ของอาณาจักรริวคิว และซากโบราณสถานที่เกี่ยวข้อง (ปราสาทชิวริ เป็นต้น)

ส่วนในประเทศไทยที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกคือ ซากโบราณสถานทางประวัติศาสตร์ในเขตจังหวัดอยุธยากับจังหวัดสุโขทัย

* อ้างอิงจากโฮมเพจ ขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ [ UNESCO ]